คากิและคาจักแตกต่างกันอย่างไร? วิธีเลือกขาหมูให้อร่อยนุ่มละมุน
เผยแพร่เมื่อ August 24, 2024 โดย เจ้าของร้าน
เมื่อพูดถึงอาหารไทยที่มีรสชาติกลมกล่อมและเป็นที่นิยมในหมู่คนไทยอย่างมาก หนึ่งในนั้นต้องมี “ขาหมู” อยู่ในลิสต์อย่างแน่นอน โดยเฉพาะสองส่วนที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่ “คากิ” (Kha Ki) และ “คาจัก” (Kha Jak) ซึ่งทั้งสองส่วนนี้มีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเนื้อสัมผัส รสชาติ และวิธีการรับประทาน
คากิ คืออะไร?
คากิ คือ ส่วนของขาหมูที่อยู่บริเวณข้อเท้าหรือเรียกว่าส่วนปลายเท้าของหมูเน้นหนังแบบติดกระดูก ซึ่งถือเป็นหนึ่งในส่วนที่นิยมมากที่สุดในการทำเมนูขาหมู เนื่องจากคากิประกอบไปด้วยกระดูก เอ็น และเนื้อที่มีไขมันเป็นจำนวนมาก ความพิเศษของคากิคือเนื้อสัมผัสที่เหนียวนุ่มจากเอ็นและความมันจากไขมันที่แทรกตัวอยู่ระหว่างกระดูก เมื่อผ่านการเคี่ยวหรือทอดจนเนื้อนุ่ม น้ำซุปที่ใช้ในการเคี่ยวคากิมักจะมีรสชาติหวานเค็มจากการปรุงด้วยเครื่องเทศต่าง ๆ ส่งผลให้คากิมีรสชาติที่เข้มข้น หอมกลิ่นเครื่องเทศ และเนื้อที่นุ่มละลายในปาก
นอกจากนี้ คากิมักจะมีชั้นหนังหมูที่เหนียวหนา ซึ่งเป็นจุดที่หลายคนชื่นชอบ ความมันและความนุ่มของชั้นหนังนี้เข้ากันได้ดีกับเนื้อหมูที่อยู่ด้านใน ทำให้คากิเป็นส่วนที่คนรักขาหมูหลายคนไม่อยากพลาด โดยทั่วไป คากิจะถูกเสิร์ฟเป็นชิ้นใหญ่ ๆ หรือสามารถแยกออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อรับประทานร่วมกับข้าวสวยหรือเส้นหมี่
คาจัก คืออะไร?
คาจัก คือ ส่วนของขาหมูที่อยู่บริเวณต้นขาหรือข้อพับของหมูหรือส่วนข้อต่อของหมูเน้นหนังบางๆ ของเอ็น ซึ่งเป็นส่วนที่มีเนื้อเนียนและแน่นมากกว่าคากิ เนื้อคาจักจะมีความหนาแน่นมากกว่าและมีปริมาณไขมันน้อยกว่า ทำให้ได้รสชาติที่หวานน้อยกว่า แต่ยังคงมีความนุ่มและรสสัมผัสที่ละเอียดอ่อน คาจักมักจะเป็นที่นิยมในกลุ่มคนที่ชอบเนื้อหมูที่ไม่มันเกินไปและชื่นชอบเนื้อสัมผัสที่นุ่มและแน่นในขณะเดียวกัน
ในการปรุงอาหาร คาจักมักจะถูกเคี่ยวในน้ำซุปที่มีเครื่องเทศและสมุนไพรต่าง ๆ เพื่อทำให้เนื้อนุ่มและรสชาติเข้มข้น เนื้อคาจักมีความสามารถในการดูดซับรสชาติจากน้ำซุปได้ดี ทำให้เมนูที่ใช้คาจักมักจะมีรสชาติที่กลมกล่อมและเข้มข้น คาจักสามารถนำมาทำเมนูหลากหลาย เช่น ขาหมูพะโล้ ขาหมูตุ๋น หรือขาหมูทอด และยังสามารถหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ เพื่อนำไปทำเมนูผัดหรือยำได้เช่นกัน สำหรับผู้ที่ชอบรับประทานเนื้อหมูที่มีเนื้อสัมผัสที่หนาแน่นและไม่มัน คาจักเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก
คากิ VS คาจัก แตกต่างกันอย่างไร
- เนื้อสัมผัส: คากิมีเนื้อสัมผัสเหนียวนุ่มและมีไขมันมาก ในขณะที่คาจักมีเนื้อแน่นและมีไขมันน้อยกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบเนื้อหมูที่แน่นและไม่มันมาก
- รสชาติ: คากิมีรสชาติที่เข้มข้นและมันจากไขมัน ในขณะที่คาจักมีรสชาติที่หวานน้อยกว่าและเนื้อสัมผัสที่หนักแน่นกว่า
- การเตรียมและปรุงอาหาร: คากิมักจะถูกเคี่ยวหรือทอดจนเนื้อนุ่มและรสชาติซึมซับเข้าไปในเนื้อ ในขณะที่คาจักมักจะถูกเคี่ยวในน้ำซุปหรือเคี่ยวในซอสที่เข้มข้นเพื่อทำให้เนื้อนุ่มและได้รสชาติที่กลมกล่อม
- คุณค่าทางโภชนาการ: คากิมีปริมาณไขมันและแคลอรี่สูงกว่าคาจัก ในขณะที่คาจักมีปริมาณโปรตีนสูงกว่าเล็กน้อย ตามข้อมูลจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข คากิให้พลังงานประมาณ 280 กิโลแคลอรี่ต่อ 100 กรัม ในขณะที่คาจักให้พลังงานประมาณ 220 กิโลแคลอรี่ต่อ 100 กรัม
เมนูยอดนิยมที่ใช้คากิและคาจัก
- ขาหมูพะโล้: นิยมใช้ทั้งคากิและคาจัก เคี่ยวกับเครื่องเทศและซีอิ๊วดำจนนุ่ม
- ขาหมูทอด: มักใช้คากิ ทอดจนกรอบนอกนุ่มใน รับประทานคู่กับน้ำจิ้ม
- ขาหมูตุ๋นเห็ดหอม: นิยมใช้คาจัก ตุ๋นกับเห็ดหอมและสมุนไพรจีน
- ก๋วยเตี๋ยวขาหมู: ใช้ทั้งคากิและคาจัก เสิร์ฟพร้อมน้ำซุปและเส้นก๋วยเตี๋ยว
วิธีสังเกตขาหมูก่อนทาน
การเลือกรับประทานขาหมูให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด ควรมีการสังเกตดังนี้:
- สีของเนื้อ: ขาหมูที่ดีควรมีสีเนื้อที่สดใส ไม่ควรมีสีหมองหรือมีจุดสีน้ำตาลที่อาจเป็นสัญญาณของเนื้อที่ไม่สด
- กลิ่น: เนื้อขาหมูที่สดควรมีกลิ่นหอมและไม่มีกลิ่นแปลกปลอม หรือกลิ่นเปรี้ยวซึ่งเป็นสัญญาณของเนื้อที่เริ่มเสีย
- ความหนาของไขมัน: เลือกขาหมูที่มีชั้นไขมันหนาพอประมาณ โดยไม่ควรมีไขมันมากเกินไปจนทำให้รู้สึกเลี่ยนเมื่อรับประทาน
- สภาพของหนังหมู: หนังหมูควรมีความหนานุ่มและไม่แข็งหรือเหนียวจนเกินไป การสังเกตนี้สำคัญมากสำหรับการเลือกคากิ
- การจัดเตรียม: ขาหมูที่ผ่านการเตรียมอย่างดีจะมีเนื้อที่นุ่มและรสชาติที่เข้มข้น ไม่ควรเลือกเนื้อที่แข็งหรือแห้งเกินไป
ข้อควรระวังในการรับประทานขาหมู
แม้ว่าขาหมูจะเป็นอาหารที่อร่อย แต่ก็มีปริมาณไขมันและแคลอรี่สูง จึงควรรับประทานอย่างพอเหมาะ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง หรือไขมันในเลือดสูง ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการก่อนรับประทาน นอกจากนี้ ควรรับประทานร่วมกับผักสดหรือผักต้มเพื่อเพิ่มใยอาหารและสารอาหารที่จำเป็น
การรู้จักความแตกต่างของคากิและคาจักจะช่วยให้คุณเลือกส่วนที่ตรงกับความชอบของคุณมากที่สุดในการรับประทานขาหมู ไม่ว่าคุณจะชอบเนื้อสัมผัสเหนียวนุ่มของคากิหรือความหนาแน่นของคาจัก ขาหมูทั้งสองส่วนนี้ก็มีความอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าลิ้มลอง เพียงแต่ควรคำนึงถึงปริมาณและความถี่ในการรับประทานเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว